สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์

บทความ : ห้วงเวลาท้าทายของสหกรณ์ไทย

โดย นางสาวสุภ์จิตรา ปิยะจันทร์
 วันที่ 13 ก.พ. 2568 เวลา 11:08 น.
 94
UploadImage 

“ห้วงเวลาท้าทายของสหกรณ์ไทย”
    จุฑาทิพย์ ภัทราวาท
 
สถานการณ์สหกรณ์โลก:

นับตั้งแต่ผู้นำรอชเดลได้จัดตั้งสหกรณ์แห่งแรกขึ้นมาในปี พ.ศ.2387 ที่ประเทศอังกฤษ   โดยหลักการดำเนินงานของพวกเขาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจสําหรับแนวทางความร่วมมือกันของสมาชิกและชุมชนในการขับเคลื่อนตัวแบบธุรกิจทางเลือกที่สามารถสร้างงาน ให้บริการ และตอบสนองความต้องการของผู้คน ภายใต้ค่านิยม “ประชาธิปไตย ความเสมอภาค การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความซื่อสัตย์ ความโปร่งใส ความรับผิดชอบต่อสังคม และการเอื้ออาทรต่อผู้อื่น”

ผ่านกาลเวลามากว่า 130 ปี ขบวนการสหกรณ์ในโลกมีพัฒนาอย่างน่าสนใจ  ปัจจุบันสหกรณ์มีจำนวนกว่า 3 ล้านแห่ง มีสมาชิกหนึ่งพันล้านคนหรือคิดเป็นร้อยละ 12 ของประชากรโลก มีการจ้างงานรวมกัน 280 ล้านคน โดยข้อมูลเชิงประจักษ์ชี้ให้เห็นถึงพลังการเปลี่ยนแปลงในความร่วมมือ การเสริมสร้างพลังอํานาจของชุมชน การส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสังคมอย่างน่าสนใจ อีกทั้งขบวนการสหกรณ์ยังได้มีบทบาทอย่างสำคัญในการรณรงค์ให้สมาชิกและประชาชน ร่วมกันดูแล ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามครรลองของการพัฒนาที่ยั่งยืน(SDGs)อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยเหตุนี้องค์การสหประชาชาติ จึงได้ประกาศให้ปี 2568 เป็น “ปีสหกรณ์สากล” เป็นครั้งที่สอง ภายใต้สโลแกน“สหกรณ์สร้างโลกที่ดีกว่า”  โดยสัมพันธภาพสหกรณ์ระหว่างประเทศ (ICA) และภาคีเครือข่ายสหกรณ์ได้ร่วมกันประกาศจุดมุ่งหมายในการร่วมมือกันทำภารกิจอันยิ่งใหญ่ของสหกรณ์ที่มีต่อโลกให้เกิดความยุติธรรมและเท่าเทียมกันในหมู่ประชาชนมากขึ้น


UploadImage

สถานการณ์สหกรณ์ไทย:

ในสถานการณ์ที่ขบวนการโลกได้รับการยอมรับและชื่นชมว่า สหกรณ์เป็นองค์กรธุรกิจที่สามารถยืนหยัดบนการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม  และสิ่งแวดล้อมตลอดจนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนนั้น ขบวนการสหกรณ์ไทยกลับตกอยู่ในวิกฤติและเกิดภาวะคับขัน อันเนื่องมาจากการแทรกแซงจากนโยบายรัฐ  เสมือนว่า “สหกรณ์เป็นเครื่องมือของรัฐ” แทนที่จะมีนโยบายส่งเสริมให้ “สหกรณ์เป็นเครื่องมือของประชาชน”

สถานการณ์วิกฤตที่เกิดจากความไม่เข้าใจในอัตลักษณ์ของสหกรณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นในบางประเทศแล้ว เช่นกรณีของประเทศในแอฟริกาตะวันตก ที่รัฐบาลเข้าแทรกแซงการดำเนินงานของกลุ่มสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ว่าสหกรณ์จะต้องจ่ายส่วนเกินอย่างไร ซึ่งการแทรกแซงการดำเนินงานสหกรณ์ของรัฐดังกล่าว ก่อให้เกิดผลเสียต่อสมาชิกและสหกรณ์อย่างที่ไม่ควรจะเป็น ในประเทศอังกฤษและเยอรมัน เมื่อผู้นำสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน (ธนาคารสหกรณ์) มีนโยบายปรับเปลี่ยนโครงสร้างและรูปแบบการบริหารจัดการสหกรณ์ไปเป็นรูปแบบของบริษัท ด้วยเหตุผลเพื่อความคล่องตัว(แรงจูงใจอื่นๆ) ได้ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งภาพลักษณ์และสินทรัพย์ ตลอดจนผลกระทบด้านเศรษฐกิจแก่สมาชิกอย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม นับเป็นโชคดีที่ปัจจุบัน กลุ่มผู้นำสหกรณ์ที่มีความเชื่อและยืนหยัดในค่านิยมสหกรณ์สามารถกอบกู้สถานการณ์กลับมาเป็นสหกรณ์ของสมาชิกได้เหมือนเดิมแล้ว 

มองอนาคตสหกรณ์ไทย:


UploadImage

การมอบคําว่า "สหกรณ์" ให้กับสถาบันใดๆ ตาม “พระราชบัญญัติสหกรณ์” นั้น หากเป็นไปภายใต้นโยบายรัฐที่มีจุดมุ่งหมายให้ “สหกรณ์เป็นเครื่องมือของรัฐ ด้วยการส่งผ่านนโยบายรัฐ กฎกระทรวง ระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศใดๆ ให้สหกรณ์ปฏิบัติตามนั้น ในที่สุด สหกรณ์ในประเทศไทยก็คงจะกลายเป็น “สหกรณ์ ที่ไม่ใช่สหกรณ์” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้น โจทย์ท้าทายสำหรับสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย และผู้นำสหกรณ์ คือ ทำอย่างไรจึงจะสามารถธำรงรักษาสหกรณ์ให้เป็นเครื่องมือของประชาชนแทนที่จะเป็นเครื่องมือของรัฐ?  และทำอย่างไรสหกรณ์จึงจะสามารถดำเนินงานเพื่อการบรรลุเป้าหมายเพื่อการกินดี - อยู่ดี – มีสันติสุข ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ดี แก่สมาชิกและชุมชนตามครรลองของการพัฒนาที่ยั่งยืน ดังเจตนารมย์ที่ประกาศไว้ในปีสหกรณ์สากล 2568 อย่างแท้จริง?


UploadImage