สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์

เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนคุณภาพเฮ! ปิดทองหลังพระฯจับมือเอกชนส่งออกจีน ตั้งเป้าปี 63 สร้างรายได้ไม่ต่ำ 160 ล้านบาท

โดย นายกมลศักดิ์ นันตา
 วันที่ 22 มิ.ย. 2563 เวลา 16:03 น.
 1017
UploadImage
 
เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนคุณภาพเฮ!
ปิดทองหลังพระฯจับมือเอกชนส่งออกจีน ตั้งเป้าปี 63 สร้างรายได้ไม่ต่ำ 160 ล้านบาท
 
เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนคุณภาพใน 3 จังหวัดชายแดนใต้เฮ สถาบันปิดทองหลังพระฯ เปิดตลาดรับซื้อทุเรียนล็อตแรกหลังโควิด ราคาไม่ต่ำกว่า 100 บาทต่อกก. พร้อมจับมือเอกชนส่งออกประเทศจีน ตั้งเป้าปี 63 สร้างรายได้ให้เกษตรกรไม่ต่ำ 160 ล้านบาท
 

นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า จังหวัดพร้อมสนับสนุนสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ พัฒนาทุเรียนคุณภาพตามศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มนำมาสู่ความมั่นคงของอาชีพเกษตรกร โดยการเปิดตลาดกลางรับซื้อจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่จังหวัดยะลา ซึ่งผลผลิตทุเรียนใน 3 จชต.จะทยอยออกช่วง มิ.ย. - ก.ย.  และในส่วนของยะลา คาดว่าจะมีประมาณ 5.3 หมื่นตันผลผลิตออกสู่ ในส่วนของจังหวัดเองมีเป้าหมายพัฒนาเป็นเมืองแห่งทุเรียนเพราะทุเรียนยะลามีรสชาติดี เนื้อแห้งดังนั้นการที่ปิดทองฯและภาคเอกชนมาดำเนินโครงการในพื้นที่จึงถือเป็นการสนับสนุนที่สำคัญ  

นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ  ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระฯ  กล่าวว่า โครงการเข้าสู่ปีที่ 3   โดยใน  3 จังหวัดชายแดนใต้ ยะลา นราธิวาส และปัตตานี  ปีแรก 2561  คัดเลือกเกษตรกรเข้าโครงการ  18 ราย ทุเรียน  336 ต้น มีผลผลิตจำหน่าย 33 ตันมูลค่าร่วม 2.3 ล้านบาท  ปี 62 เกษตรกรเพิ่มเป็น  664 ราย  ทุเรียน 2.2 หมื่นต้น ผลผลิต  1.6 ตันมูลค่า  80 ล้านบาท ปีนี้ 63 มีเกษตรกร  625 ราย ทุเรียน 2.9 หมื่นตัน  ผลผลิตคาดว่าจะมีประมาณ  1,778  ตัน และมีเป้าหมายรายได้ปี 63 ประมาณ  160  ล้านบาท เป็นสองเท่าของปี  62  ทั้งหมดจะส่งให้บริษัทเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ซึ่งได้มีการร่วมมือกันในโครงการมาตลอด  3 ปีส่งออกไปประเทศจีน 

“ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของสถาบันฯที่ประจำการในพื้นที่เข้มงวดและดูแลเกษตรกรอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันปัญหาหนอนเจาะทุเรียน โดยปีที่ผ่านมาพบ 3%  ของผลผลิตที่ส่งออก ดังนั้นในปี  63 ตั้งเป้าว่าต้องไม่มีหนอนเลยหรือเป็นศูนย์  ซึ่งขอให้ช่วยกัน  และทุเรียนของโครงการต้องพัฒนาให้ได้เกรดเอบีมากกว่า 85%  ของผลผลิต เพราะจีนเป็นตลาดใหญ่ของทุเรียนไทย โอกาสทางตลาดยังมีอีกมาก ความสำเร็จของโครงการนี้คือประชาชนที่จะมีรายได้ในมือเพิ่มขึ้นทำให้ครัวเรือนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในหลายด้านจากอดีตที่ผ่านมา  ทั้งนี้วันแรก18 มิ.ย.ที่เปิดรับซื้อมีเกษตรกรในโครงการมาขายจำนวน 31 ราย 9,998 กิโลกรัม เป็นเงิน  853,360 บาท ตลาดรับซื้อจะเปิดทุกวันจนทุเรียนโครงการปีนี้หมด  “ นายการัณย์กล่าว

นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐ เครือเจริญโภคภัณฑ์  กล่าวว่าโอกาสทุเรียนคุณภาพในจีนมีสูงมาก  ในช่วงวิกฤติโควิด 19 เดิมกังวลว่าจะซบเซาปรากฏกว่าตรงกันข้ามเพราะประชาชนอยู่บ้านแต่กลับมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น  ซึ่งปี 62 จากข้อมูลการส่งออกทุเรียนของไทยไปจีนจำนวน  5 แสนตัน ปี 63 คาดว่าประมาณ  8 แสนตันหรือ  85%  ของผลผลิตทั้งประเทศ 9 แสนตันต่อปี    โดยทุเรียนใน  3 จังหวัดชายแดนใต้เป็น 40% ของ 9 แสนตัน  โดยทุเรียนที่ซีพีจับมือกับสถาบันปิดทองฯในพื้นที่ถือว่าสัดส่วนยังน้อยมากโอกาสทางตลาดยังมีอีกมาก เพราะทุกฝ่ายต้องการทำทุเรียนคุณภาพช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ หากเกษตรกรรักษามาตรฐานการผลิตที่ปิดทองฯสร้างไว้ได้ ทุเรียน 3 จังหวัดชายแดนใต้จะมีอนาคตเหมือนทุเรียนคุณภาพในพื้นที่ภาคตะวันออก และจะเป็นพืชอนาคตของพื้นที่เพราะคนจีนนิยมทุเรียนหมอนทอง และหมอนทองภาคใต้รสชาติดีมาก

นางทิพวรรณ จันทวงศ์  สมาชิกโครงการกล่าวว่าเข้าโครงการในปี  62   จำนวน  40 ต้นจากพื้นที่  5 ไร่  ได้นำทุเรียนที่ตัดได้ในวันที่  18 มิ.ย. มาขายให้โครงการรวม  575 กก.  เป็นเกรดเอบีถึง  329 กก.  รวมรายได้  50,440  บาท อย่างไรก็ตามยังมีทุเรียนที่ทยอยตัดมาจำหน่ายต่อเนื่อง ซึ่งการแยกเกรดจำหน่ายทำได้มีรายได้เพิ่มเพราะก่อนเข้าโครงการจะขายแบบเหมาสวนทำให้ได้เงินตอบแทนน้อย

 
UploadImage

UploadImage

UploadImage

UploadImage